ในประเทศ

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เผย 1 ต.ค.นี้ ดีเดย์เริ่มใช้แรงงานเมียนมา 4 หมื่นคนจากศูนย์พักพิงออกทำงานทดแทนกำลังที่ขาด พร้อมส่งข้ามไปฝั่งตะวันออกแทนกัมพูชา ย้ำทุกอย่างต้องขออนุญาต-ทำงานสูงสุด 1 ปี
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวถึงความคืบหน้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา (ผภร.) ในพื้นที่พักพิง 9 ศูนย์ ทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี ว่า เรื่องนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ระหว่างนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังพูดคุยกันถึงขั้นตอนการนำแรงงานเมียนมา มาขึ้นทะเบียนที่กรมการปกครอง ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 4 หมื่นคน
จากนั้น เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว ก็จะให้สิทธิพักพิงอยู่ในศูนย์ก่อน ถ้าจะออกนอกศูนย์ไปทำงานก็ต้องขออนุญาตนายอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาตแล้ว จัดหางานจังหวัดจะมาดูทักษะว่าจะทำงานด้านใดบ้าง เช่น ช่างไม้ ช่างสี ช่างปูน หรือไร้ฝีมือ
จากนั้นจะนำนายจ้างมาที่อำเภอเพื่อทำสัญญา แต่ทั้งนี้ก่อนทำสัญญาหรือยื่นใบอนุญาตต้องมีการตรวจสุขภาพให้กับแรงงาน และทำเรื่องประกันสุขภาพ ก่อนยื่นคำร้องออกนอกพื้นที่ โดยจัดหางานจังหวัดจะประสานเรื่องการออกใบอนุญาตทำงานและส่งไปยังที่อำเภอปลายทางที่ต้องการแรงงาน ควบคุมการจ้างงานตามสัญญาอยู่ได้สูงสุด 1 ปี เมื่อครบ 1 ปีก็ต้องกลับมาที่ศูนย์ฯ หรือคนที่ทำสัญญา 3 เดือนก็ต้องกลับมาที่ศูนย์ แต่ระหว่างนี้หากใครต้องการแรงงานอีก ก็ต้องไปยื่นคำร้องใหม่ เพื่อขอแรงงานออกไปทำงานได้ แต่ต้องเป็นไปตามสัญญา คือ ไม่เกิน 1 ปี
“สมมุติครบสัญญา 3 เดือนแล้วกลับมามีนายจ้างมาจ้างก็ออกไปใหม่ได้อีก ดูเป็นสัญญาต่อสัญญาและต่อคน แต่ต่อสัญญาไม่เกิน 1 ปี นี่คือแนวบริหารจัดการ” รองปลัด มท.ระบุ
นายชำนาญวิทย์ ยังกล่าวว่า จะมีการฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับแรงงานที่ขึ้นทะเบียนครั้งแรก เพราะกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในศูนย์ฯไม่มีเงินที่จะมาเป็นค่าใช้จ่าย ดังนั้น ค่าธรรมเนียมสิ่งใดที่ลดได้ก็จะลดลง เหลือแต่ประเด็นตรวจสุขภาพสาธารณสุขเท่านั้น ที่ไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ โดยลูกจ้างกับนายจ้างต้องไปพูดคุยค่าใช้จ่ายในประเด็นนี้ เพราะกระทรวงแรงงานได้ลดค่าธรรมเนียมการดำเนินการขึ้นทะเบียนให้ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีศูนย์พักพิง 9 ศูนย์ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี
ADVERTISMENT
ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออก ที่มีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขาดแคลนแรงงานจะมีการส่งไปสนับสนุนอย่างไรนั้น นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า จะมีแรงงานส่วนนี้ไปเติม ซึ่งจากเดิมผู้อพยพจะทำงานอยู่รอบศูนย์ฯ ดังนั้นกระบวนการนี้ก็คิดเผื่อไปทดแทนแรงงานกัมพูชา กรณีที่แรงงานฝั่งตะวันตกจะเดินทางไปฝั่งตะวันออก ก็ได้วางแผนไว้แล้วตามที่กล่าวมาข้างต้น คือ ให้อำเภอนั้นมาขออนุญาตและนำไปที่ปลายทาง ซึ่งปลายทางอาจจะเป็นจังหวัดระยอง จันทบุรี ก็ดำเนินการประสานงานกัน โดยจัดหางานจังหวัดนั้น
เมื่อครบสัญญาก็นำกลับมายังศูนย์พักพิง แต่ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดว่าแรงงานที่ทำต้องไม่เป็นงานที่สงวนไว้กับคนไทย หรือกรณีที่กฎหมายแรงงานห้ามคนต่างด้าวทำ แต่ทั้งนี้มีการจำกัดไม่ให้เดินทางไปในพื้นที่ภาคอีสานหรือภาคใต้ เนื่องจากดูจากแรงงานความต้องการในพื้นที่แล้ว ภาคกลางและภาคตะวันออกมีมากกว่า ดังนั้นจึงต้องระบายแรงงานที่มีถึง 4 หมื่นคนระบายไปในพื้นที่ที่จำเป็นก่อน
ส่วนความต้องการแรงงานทดแทนชาวกัมพูชานั้นมีเท่าไหร่ นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในวอร์รูม ของกระทรวงแรงงาน ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่า ต้องการแรงงานทดแทนเท่าไหร่ แต่ทราบว่ายอดแรงงานกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนคนในทั่วประเทศและได้ทยอยเดินทางกลับกัมพูชา
ซึ่งกระทรวงแรงงานกำลังสำรวจ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าแรงงานจากศูนย์ฯถึง 4 หมื่นคนจะสามารถทดแทนได้ในระดับหนึ่ง ไม่สามารถทดแทนได้ 100 % ดังนั้นกระทรวงแรงงาน จะต้องไปดูว่าหากไม่พอแล้วต้องใช้แรงงานจากส่วนไหน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อเสนอให้ใช้แรงงานไทยผ่านกรมราชทัณฑ์มาฝึกอาชีพ แล้วนำมาทดแทน และใช้แรงงานที่พึ่งตนเองก่อนได้ จากนั้น ค่อยไปใช้แรงงานต่างชาติ ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องส่งเสริมเรื่องการใช้แรงงานคนไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภูมิธรรม สวนนายกฯ 4 เดือน จ่อรื้อ มท. มอง ปชน.อาจถูกหลอกแก้ รธน.
- มท.ไฟเขียว ตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ เพิ่ม 3,335 หมู่บ้าน
- แรงงานกัมพูชากลับบ้าน ธุรกิจไทยระส่ำ บ.เอเจนซี่ชี้ ศรีลังกาเป็นทางเลือก